สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงนิทรรศการภายในงาน “อว.แฟร์ 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชูผลงานเทคโนโลยีต้นแบบผลงานคนไทยที่สามารถถ่ายทอดสู่ภาคอุตสาหกรรมได้จริง อาทิ เทคโนโลยีฟิล์มดีแอลซีสำหรับบรรจุภัณฑ์ เทคโนโลยีกราฟีนเปลี่ยนขยะเป็นวัสดุมหัศจรรย์ เครื่องเคลือบฟิล์มบางหลายชั้นที่มีความแม่นยำสูงสำหรับผลิตกระจกชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน โครงการสร้างแผนที่สมองแบบสามมิติ SAYNAPSE ที่ร่วมกับพันธมิตรนานาชาติ ต้นแบบแม่เหล็กสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ปั๊มสุญญากาศระดับสูงสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคและเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน และเครื่องฉายรังสีตรวจสอบตู่สินค้าที่ผลิตรังสีเอกซ์พลังงานสูง สามารถตรวจสอบตู้สินค้าได้อย่างรวดเร็ว
กรุงเทพมหานคร - สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ร่วมจัดนิทรรศการภายใน“มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ” หรือ “อว.แฟร์ 2025 : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสถาบันฯ ได้จัดนิทรรศการ ภายใต้ธีม Synchrotron for Tomorrow – เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน สร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยิ่งขึ้น ทั้งนี้สถาบันฯ ได้นำเสนอนิทรรศการ 6 เทคโนโลยีต้นแบบที่มีการถ่ายทอดสู่ภาคอุตสาหกรรม และสามารถนำไปใช้งานได้จริง ได้แก่
1. “พลิกโฉมบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีฟิล์มคาร์บอนเสมือนเพชร” จัดแสดงเครื่องเคลือบฟิล์มบางคาร์บอนเสมือนเพชรสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร ช่วยยืดอายุอาหาร คงความสดและคุณค่าทางโภชนาการ สามารถรีไซเคิลได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. “เทคโนโลยีเปลี่ยนขยะเป็นกราฟีนวัสดุมหัศจรรย์พลังที่สร้างความแตกต่าง” ต้นแบบเทคโนยีในการผลิตกราฟีนซึ่งเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดี มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็ก 100 เท่า นำความร้อนได้ดี มีความยืดหยุ่น ทนต่อการกัดกร่อน สามารถประยุกต์ใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม 3. “เครื่องเคลือบด้วยฟิล์มนาโนเมตรหลายชั้นที่มีความแม่นยำสูง” สำหรับผลิตกระจกชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน และสามารถประยุกต์ใช้กับห้องปฏิบัติการดาราศาสตร์หรืออุปกรณ์เซนเซอร์ต่างๆ 4. “การสร้างแผนที่สมองมนุษย์แบบสามมิติด้วยแสงซินโครตรอน (SYNAPSE) ยกระดับวิจัยสมองไทยสู่สากล” เป็นโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติในโครงการ SYNAPSE เพื่อสร้างแผนที่การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมองมนุษย์
5. “ต้นแบบแม่เหล็กสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV, ปั๊มสุญญากาศระดับยิ่งยวดแบบผสม” แสดงต้นแบบแม่เหล็กสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV ที่พัฒนาโดยคนไทย เพื่อรองรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ที่จะใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีภายในประเทศให้ได้มากกว่า 50% เพื่อลดการนำเข้าและการพึ่งพาจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับปั๊มสุญญากาศระดับสูงยิ่งยวดแบบผสมที่พัฒนาและผลิตโดยบุคลากรในประเทศและผู้ประกอบการไทย สามารถสร้างสภาวะสุญญากาศระดับสูงยิ่งยวด ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องเร่งอนุภาคและเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนพลังงาน และ 6. “เครื่องฉายรังสีตรวจสอบตู้สินค้า” เป็นเทคโนโลยีต้นแบบที่ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านเครื่องเร่งอนุภาคที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนมีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาระบบ Linear Accelerator หรือ LINAC สำหรับตรวจตู้สินค้าขนาดใหญ่ ที่สามารถตรวจจับและจำแนกวัสดุภายในตู้สินค้าได้แม่นยำ สามารถผลิตรังเอกซ์พลังงานสูงที่มีอำนาจทะลุทะลวงเหล็กหรือคอนกรีตได้ ทำให้มองเห็นสิ่งของภายในตู้สินค้า ยานพาหนะ หรือสินค้ากองรวมขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธนิทรรศการของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนภายในงาน อว.แฟร์ 2025 ที่ โซน F : Art & Science for Future Thailand ฮอลล์ 4 ชั้น G ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 – 20.00 น. โดยไม่เสียค่าจ่ายใดๆ
เผยแพร่ข่าว : นางสาวเยาวลักษณ์ ทับช้างโท
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center 1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.