“สุดาวรรณ” รมว.อว. เปิดเวทีขับเคลื่อนนโยบาย “อว. For Water” มุ่งสร้างระบบบริหารจัดการน้ำด้วยข้อมูลวิจัยและนวัตกรรม เน้นบูรณาการ-ต่อยอด-ใช้งานได้จริง วางรากฐานแก้ปัญหาน้ำยั่งยืน

           เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบนโยบายในงานการประชุมเสวนาขับเคลื่อนนโยบาย “อว. For Water” เพื่อรวบรวมประเด็นสถานการณ์ และข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนระบบบริหารจัดการน้ำบนพื้นฐานข้อมูลสารสนเทศ และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและกรอบแนวทางการดำเนินงาน สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านน้ำ เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย คณะผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วม ณ ห้อง MR209 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

           นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า วันนี้เราได้เห็นภาพรวมของสถานการณ์น้ำที่ซับซ้อนและท้าทาย ตลอดจนแนวคิด “Smart Water Governance” ที่มุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลอย่างแม่นยำ งานวิจัยที่ตอบโจทย์ และนโยบายที่ใช้ได้จริง รวมทั้งมีข้อเสนอการพัฒนา “คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ” และระบบคาดการณ์ภัยพิบัติที่ทันสมัย การสนับสนุนงานวิจัยแบบมุ่งเป้า และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน และชุมชน ข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดทำกรอบความร่วมมือที่ชัดเจนและแผนปฏิบัติการที่สามารถดำเนินการได้จริง เพื่อขับเคลื่อน “อว. For Water” ให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน ตนจึงอยากจะขอให้ทุกหน่วยงานเน้นการทำงานโดยยึดหลัก ดังนี้ 1.) “บูรณาการ” การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมด้านน้ำให้เป็นระบบเดียวและสอดคล้องกับแผนชาติ 2.) “ต่อยอด” นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่มีมาพัฒนาและสร้างนวัตกรรม พร้อมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและชุมชน และ 3.) “นำไปใช้” ผลักดันการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงบริหาร และเชิงปฏิบัติการ พร้อมติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

           นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนอยากให้ สอวช. สสน. สกสว. ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด อว. สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแผนปฏิบัติการ “อว. For Water” เพื่อจัดทำ “สมุดปกขาว (White Paper)” เสนอต่อสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อใช้ขับเคลื่อนเป็นนโยบายระดับชาติต่อไป โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม กลายเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำและสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชนอย่างแท้จริง

           ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า  สถานการณ์น้ำของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงในพื้นที่หนึ่ง แต่กลับเกิดอุทกภัยที่สร้างความเสียหายในอีกพื้นที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็น "วาระแห่งชาติ" ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน กระทรวง อว. ตระหนักถึงภารกิจสำคัญนี้ เรามีหน้าที่นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เรามีอยู่ทั่วประเทศ มาเปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำ นี่คือที่มาของนโยบาย "อว. For Water" ซึ่งเป็นการระดมสรรพกำลังทั้งบุคลากร นักวิจัย และเทคโนโลยีในสังกัด อว. เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้ยั่งยืน

           “หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายนี้ คือแนวคิด "Smart Water Governance" ที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.) เสาหลักด้านข้อมูล ซึ่งเรามี "คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ" ที่พัฒนาโดย สสน. เป็นศูนย์กลางข้อมูล ประกอบกับเทคโนโลยีคาดการณ์ที่ทันสมัย เพื่อสร้างความแม่นยำในการตัดสินใจและแจ้งเตือนภัย ลดความสูญเสียต่อชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ 2.) เสาหลักด้านการวิจัย โดยมี สกสว. เป็น "ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญ" ที่สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านน้ำ สกสว. จะช่วยส่งเสริมให้เกิด "งานวิจัยแบบมุ่งเป้า" เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศและปิด ช่องว่างองค์ความรู้ (Research Gaps) ที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการน้ำในอนาคต และ 3.) เสาหลักด้านนโยบาย โดยมี สอวช. ทำหน้าที่เป็น "สะพานเชื่อม" นำผลลัพธ์จากข้อมูล และงานวิจัย ไปสังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่นำไปปฏิบัติได้จริงการประชุมในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว